เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
My habits. I think I see people talking outside it looks like a really good, but I was elated. Good-natured like smiling. I would love to be with their parents and my friends, it makes me happy. I like Korean music. Like yellow blue. Green I was born 04/12/1993. I prefer to work to support teachers at the school. I learned at school bungkan.

I'am A'ngun ฉันองุ่นคร๊~

วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

งานไฟฟ้า

งานไฟฟ้า

ความหมายของงานไฟฟ้า

งานไฟฟ้า  หมายถึง  การปฏิบัติงานที่เกี่ยวกับไฟฟ้าใน
การสร้างหรือผลิต  การซ่อมแซม การปรับปรุง การติดตั้ง
อุปกรณ์หรือ วงจรไฟฟ้าด้วยความปลอดภัย
 เพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ในการดำรงชีวิตประจำวัน
   งานไฟฟ้ามีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ 

ดังนี้
   1. งานไฟฟ้าใช้ในการสร้างเครื่องมือ 

 เครื่องใช้ต่าง ๆ  ที่ให้พลังงานความร้อน 
 พลังงานแสงสว่าง  พลังงานกลที่มีความจำเป็น
ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง 
เช่น  เครื่องทำน้ำอุ่น  เครื่องปรับอากาศ หลอดไส้ 
หลอดฟลูออเรสเซนต์  ลิฟต์  บันไดเลื่อน  เป็นต้น 
   2. งานไฟฟ้าช่วยพัฒนาระบบสื่อสาร  คมนาคม

  ให้สะดวกเจริญก้าวหน้า  เช่น  วิทยุ  โทรทัศน์ 
 โทรศัพท์  รถไฟฟ้า  เป็นต้น
   3. งานไฟฟ้าช่วยพัฒนาระบบการผลิตสินค้าของ

โรงงานอุตสาหกรรม

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับงานไฟฟ้า
    ไฟฟ้า เป็นพลังงานชนิดหนึ่ง  ที่เป็นส่วนประกอบ
อยู่ในวัตถุธาตุทุกชนิด  ซึ่งประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็ก
 ที่เรียกว่า "อะตอม" แต่ละอะตอมจะประกอบด้วยโปรตอน 
นิวตรอน  และอิเล็กตรอนอยู่มากมาย โดยที่โปรตอนกับ
นิวตรอนจะอยู่นิ่งไม่เคลื่อนที่  อิเล็กตรอนจะเคลื่อนที่
จากอะตอมหนึ่งไปยังอีกอะตอมหนึ่งอย่างรวดเร็ว
 การเคลื่อนที่นี้เรียกว่า "กระแสไฟฟ้า"  ซึ่งมีอยู่  ๒  ชนิด 
 คือ  ไฟฟ้าสถิตและไฟฟ้ากระแส  ปัจจุบันความก้าวหน้า
ทางไฟฟ้ามีมากขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการพัฒนาทาง
เทคโนโลยีเกี่ยวกับงานไฟฟ้า  โดยเฉพาะทางด้าน
อิเล็กทรอนิกส์ และมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิต
ประจำวันของมนุษย์เป็นอย่างมาก  โดยการนำมาเป็น
อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับ มนุษย์ 
เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า  โทรทัศน์  ตู้เย็น  พัดลม และแสงไฟ
ที่ให้ความสว่างในเวลากลางคืนแทนการใช้เทียนหรือ
ตะเกียง  ระบบเครื่องจักรกลในโรงงานอุตสาหกรรม 
และระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้า  เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี
ในปัจจุบันมีผลเกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจ
และสังคมเป็นอย่างมาก




หลักความปลอดภัย
 




หลักความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้า  
   ปัจจุบันไฟฟ้ามีการจำเป็นต่อชีวิตประจำวันมาก
ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธถึงความสะดวกสบายที่ได้รับจากการ
ใช้ไฟฟ้ารวมถึงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจต้องใช้ไฟฟ้า
เป็นปัจจัยสำคัญ ไฟฟ้ามีประโยชน์มากมายก็จริงแต่ในเวลา
เดียวกันก็มีอันตรายอยู่ในตัวของมันเองถ้ารู้จักใช้ก็จะ
ได้ประโยชน์มหาศาล  ถ้าใช้ผิดวิธีก็อาจจะได้รับอันตราย
ถึงชีวิต จึงควรเข้าใจและรู้พื้นฐานทางด้านความปลอดภัย
ในการใช้ไว้บ้างเพราะความประมาทหรือเพิกเฉยต่อสิ่ง
ที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยก็อาจนำมาสู่ความหาย
นะและการสูญเสียต่างๆในชีวิตประจำวันของเรา
ตั้งแต่เช้าขึ้นมาไฟฟ้าเข้ามามีส่วนพัวพันกับการดำเนิน
ชีวิตตลอดทั้งวันจนกระทั่งเข้านอนก็ยังใช้ไฟฟ้าแต่ทว่า 
มาตรฐานความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าในบ้านผู้ใช้ยัง
ไม่ให้ความสนใจเท่าที่ควรดังนั้นความปลอดภัยในการ
ใช้ไฟฟ้าจึงเป็นเรื่องที่ควรได้รับความสนใจ ในการศึกษา
ไฟฟ้าทำอันตรายให้แก่ร่างกายได้ผู้ที่จะได้รับอันตราย
จากเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นเนื่องจากส่วนหนึ่งส่วนใดของ
ร่างกายบังเอิญไปแตะและต่อเป็นส่วนหนึ่งในวงจร
ไฟฟ้าหรือสัมผัสถูกสายสองเส้นหรือเพียงเส้นเดียว
หรืออาจจะไปสัมผัสถูกวัตถุที่มีกระแสไฟฟ้ารั่วไหล
แต่เพียงจุดเดียวในขณะที่ร่างกายส่วนอื่นสัมผัสอยู่กับ
พื้นดินครบวงจรทำให้เกิดอันตรายเเก่ร่างกายขึ้น

     ไฟฟ้าให้โทษแก่มนุษย์ สามารถแบ่งออกได้เป็น

    1.เป็นอันตรายแก่ชีวิต  
     สิ่งที่ทำให้เสียชีวิตหรือได้รับอันตรายเพียงบาดเจ็บ
คือ การไหลของกระแสไฟฟ้า(วัดเป็นจำนวนแอมแปร์)
ซึ่งจะมีปริมาณ เพียงเล็กน้อย   ถ้าเป็นกระแสไฟสลับก็
สามารถจะทำอันตรายถึงเสียชีวิตได้ถ้าหากว่ากระแสไฟฟ้า
นั้นได้ไหลผ่านอวัยวะที่สำคัญ ๆ เช่น หัวใจ อันตรายต่าง ๆ
 ที่เกิดขึ้นกับร่างกายมีอาการ 4 อย่าง คือ

              1.1 กล้ามเนื้อแข็งตัว
              1.2 หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ และหยุดทำงาน
              1.3 เซลล์ภายในร่างกายถูกทำลาย
              1.4 ระบบประสาทชะงัก

    2.เป็นอันตรายต่อทรัพย์สิน     
  อันตรายต่อทรัพย์สิน ได้แก่ การเกิดเพลิงไหม้และระเบิด ทำให้ทรัพย์สินเสียหายปีละมากๆ เนื่องจากความประมาท
หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์




          โดยปกติแล้ว สภาพร่างกายแต่ละส่วนของคนเราจะมี
ความต้านทานกระแสมากน้อยไม่เท่ากัน ในขณะที่ผิวหนังแห้ง
สนิทจะมีความต้านทานประมาท 100,000-600,000 โอห์ม
แต่ถ้าเกิดมีความชื้นหรือเหงื่อ เพียงเล็กน้อย ความต้านทาน
จะลดลงเหลือเพียง 800-1,000 โอห์ม เท่านั้นดังนั้นกระเเส
ไฟฟ้าจึงสามารถผ่านร่างกายได้โดยง่ายอันตรายที่จะได้รับนั้น
ขึ้นอยู่กับกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกาย ถ้ามีกระแสไฟฟ้า
ไหลผ่านน้อยก็ได้รับอันตรายน้อย ถ้าไหลผ่านมากอันตราย
ที่ได้้รับก็มีเพิ่มมากขึ้นตามลำดับซึ่งพอสรุปปริมาณของกระแส
ฟฟ้าที่มีผลต่อร่างกายได้ดังนี้

จำนวนกระแสไฟฟ้า
อาการหรืออันตรายที่เกิดขึ้นเเก่ร่างกาย
1-3 มิลลิแอมแปร์
กล้ามเนื้อกระตุกเลกน้อย ไม่ถึงขั้นอันตรายแต่ก็อาจดิ้นไม่ยอมหลุด
8 มิลลิแอมแปร์
กล้ามเนื้อกระตุกรุนเเรง เป็นเหตุให้ล้มฟาดหรือตกจากที่สูง
10 มิลลิแอมแปร์
กล้ามเนื้อกระตุกรุนเเรงยิ่งขึ้น และอาจได้รับบาดแผล ไหม้ พองด้วย

      เนื่องจากผู้ที่ถูกไฟฟ้าช๊อต ส่วนมากไม่สามารถบังคับตัวเอง
ให้หลุดพ้นจากไฟฟ้าจึงถูกกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่างกาย
เป็นเวลานาน ดังนั้น ถ้าไม่มีบุคคลอื่นช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

อันตรายที่ได้รับก็จะสาหัสมากขึ้น คือหัวใจเต้นรัวเร็วหรือ
ช้าซึ่งอาจได้รับอันตรายถึงชีวิต ถ้าระยะเวลานานกว่ากำหนด ดังน
ี้


15 มิลลิแอมแปร์ นานกว่า
2 นาท
20 มิลลิแอมแปร์ นานกว่า
1 นาที
30 มิลลิแอมแปร์ นานกว่า
35 วินาที
100 มิลลิแอมแปร์ นานกว่า
3 วินาท
500 มิลลิแอมแปร์ นานกว่า
11/100 วินาท
* 1,000 มิลลิแอมแปร์นานกว่า
1/100 วินาที

      * กล้ามเนื้อบริเวณทรวงอกขยายตัวมากถ้าไม่ได้รับการช่วย
เหลื อย่างทันท่วงที นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีองค์ประกอบอื่นๆ
อีก เช่น ตำแหน่งที่สัมผัส กล่าวคือ ถ้ากระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
ร่างกายบริเวณอวัยวะสำคัญ เช่น บริเวณศีรษะ
หรือทรวงอก อันตรายที่ได้รับจะมีมากกว่ากระแสไฟฟ้า

ไหลผ่านส่วนอื่นของร่างกาย และถ้าร่างกายถูกกระแสไฟฟ้า
เป็นบริเวณกว้าง อันตรายก็อาจจะสาหัสมากขึ้นด้วย

http://www.supradit.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น